
บัตรเครดิตมาพร้อมกับฟังก์ชันที่ช่วยสนับสนุนการใช้ชีวิตมากมาย เช่น การใช้คะแนนสะสมหรือบริการพิเศษที่มาพร้อมกับบัตร
ช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งและความบันเทิงในราคาสุดคุ้ม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเรียกว่าบัตรเครดิตเหมือนกัน แต่ก็มีหลากหลายประเภท
ทำให้หลายคนอาจรู้สึกสับสนว่า “ควรเลือกบัตรใบไหนดี”
เพื่อค้นหาบัตรเครดิตที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเองจากบัตรที่มีให้เลือกมากมาย
สิ่งสำคัญคือต้องจัดลำดับเนื้อหาต่อไปนี้ให้ชัดเจน
วิธีเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะกับตัวเอง
- ระบุวัตถุประสงค์หลักในการใช้บัตรเครดิต
- ตรวจสอบบัตรยอดนิยมที่เหมาะกับผู้ใช้ตามช่วงอายุและไลฟ์สไตล์
- หลังจากนั้น ควรเปรียบเทียบสเปกพื้นฐาน เช่น ค่าธรรมเนียมรายปี ประเภทแบรนด์ระหว่างประเทศ และอัตราการคืนคะแนนสะสม
นอกจากนี้ หากเลือกบัตรเครดิตเพียงเพราะครอบครัวหรือเพื่อนมี อาจทำให้ไม่สามารถใช้บริการพิเศษที่มาพร้อมกับบัตรได้อย่างเต็มที่ จึงควรระมัดระวังในจุดนี้ด้วย
สำหรับผู้ที่ทำบัตรเครดิตเป็นครั้งแรก แนะนำให้เลือกบัตรเครดิตที่ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
เนื่องจากบัตรเครดิตที่ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการถือครอง
แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันก็จะไม่ทำให้คุณเสียเปล่า
วิธีพื้นฐานในการเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะกับตัวเอง
การเลือกบัตรเครดิตที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ
หากเลือกบัตรเครดิตเพียงเพราะ “ได้รับความนิยม” หรือ “มีคนรอบข้างแนะนำ” อาจทำให้ไม่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการคืนคะแนนหรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ
ก่อนที่จะเปรียบเทียบบัตรเครดิต ควรจัดลำดับความสำคัญของประเด็นต่อไปนี้
วิธีเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะกับตัวเอง
- วัตถุประสงค์หลักในการใช้บัตรเครดิตคืออะไร
- ตรวจสอบบัตรเครดิตยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ตามช่วงอายุและไลฟ์สไตล์
ก่อนอื่น คุณจำเป็นต้องกำหนดวัตถุประสงค์ในการออกบัตรเครดิตให้ชัดเจน
ว่าจะใช้สำหรับการช้อปปิ้งในชีวิตประจำวัน หรือใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษที่มาพร้อมกับบัตรเพื่อยกระดับชีวิตประจำวัน
ตัวอย่างเช่น หากวัตถุประสงค์ในการออกบัตรเครดิตคือการใช้จ่ายในการช้อปปิ้งประจำวัน
ควรตรวจสอบว่าอัตราการคืนคะแนนสะสมเป็นอย่างไร และร้านค้าที่คุณใช้บริการบ่อยเป็นร้านค้าที่ร่วมรายการหรือไม่
นอกจากนี้ การเลือกบัตรเครดิตโดยพิจารณาจากช่วงอายุและไลฟ์สไตล์ของคุณ
ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่แนะนำ เพื่อค้นหาบัตรยอดนิยมที่เหมาะสมกับผู้ใช้ในกลุ่มเดียวกัน
การค้นหาบัตรเครดิตที่เหมาะสมกับช่วงอายุและไลฟ์สไตล์ของคุณ
จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากสิทธิพิเศษต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นในชีวิตประจำวัน
และยังช่วยป้องกันปัญหา “ออกบัตรเครดิตมาแล้วแต่ใช้งานไม่ได้เต็มที่” อีกด้วย
มีประโยชน์ในการเลือก! อธิบายเกณฑ์เปรียบเทียบบัตรเครดิต
จุดสำคัญในการเปรียบเทียบบัตรเครดิตมีดังนี้
- ค่าธรรมเนียมรายปี
- ประกันที่มาพร้อมบัตร
- อัตราการคืนคะแนนสะสม
- ความรวดเร็วในการออกบัตร
ต่อจากนี้จะอธิบายรายละเอียดในแต่ละหัวข้อ
ค่าธรรมเนียมรายปี
ค่าธรรมเนียมรายปีของบัตรเครดิตแตกต่างกันไปในแต่ละบัตร โดยเฉพาะบัตรเครดิตที่มีระดับสูง เช่น บัตรทอง (Gold Card) หรือบัตรแพลตตินัม (Platinum Card) จะมีค่าธรรมเนียมรายปีที่สูงกว่า เนื่องจากมีสิทธิพิเศษและประกันที่ครอบคลุมมากกว่า
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีค่าธรรมเนียมรายปี แต่ก็มีบัตรบางประเภทที่สามารถยกเว้นค่าธรรมเนียมได้ หากมีการใช้จ่ายอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งหรือมียอดการใช้จ่ายถึงตามเงื่อนไขที่กำหนด
นอกจากนี้ ไม่ว่าบัตรเครดิตจะมีค่าธรรมเนียมรายปีหรือไม่ ก็ไม่มีผลต่อการใช้งานในแง่ของความสะดวก เช่น การช้อปปิ้งออนไลน์หรือการไม่ต้องพกเงินสด ดังนั้น หากคุณมองหาความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย บัตรเครดิตที่ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีก็อาจเพียงพอ
ในทางกลับกัน หากคุณต้องการสิทธิพิเศษและบริการประกันที่ครอบคลุมมากขึ้น ควรพิจารณาบัตรที่มีค่าธรรมเนียมรายปีด้วยเช่นกัน
บัตรเครดิตที่มีค่าธรรมเนียมรายปีมักมาพร้อมกับสิทธิพิเศษ เช่น ประกันอุบัติเหตุในการเดินทางที่ครอบคลุมมากขึ้น การใช้เลานจ์สนามบินฟรี และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย
โดยเฉพาะบัตรแพลตตินัมที่มักมาพร้อมกับบริการพิเศษ เช่น การจองโรงแรมหรือร้านอาหาร และบริการคอนเซียร์จที่ช่วยอำนวยความสะดวกในหลากหลายโอกาส ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้บริการในระดับพรีเมียม
ประกันที่มาพร้อมบัตร
เมื่อพูดถึงประกันที่มาพร้อมกับบัตรเครดิต ประกันอุบัติเหตุการเดินทางเป็นตัวอย่างที่เด่นชัด
หากคุณเดินทางหรือออกไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยครั้ง การตรวจสอบรายละเอียดประกันของบัตรเครดิตที่คุณสนใจอาจเป็นสิ่งที่ควรทำ
เงื่อนไขของประกันจะแตกต่างกันไปตามบัตรเครดิต เช่น ครอบคลุมเฉพาะการเดินทางต่างประเทศหรือรวมถึงการเดินทางภายในประเทศด้วยหรือไม่
หรือการประกันนั้นจำเป็นต้องชำระค่าตั๋วเครื่องบินหรือทัวร์ผ่านบัตรก่อนจึงจะมีผลบังคับใช้
ในขณะที่บัตรเครดิตส่วนใหญ่มักมีประกันแบบ “ใช้ก่อนถึงคุ้มครอง” (ใช้จ่ายผ่านบัตรก่อนถึงจะได้รับความคุ้มครอง)
แต่บัตรเครดิตที่มีประกันแบบ “คุ้มครองอัตโนมัติ” (เพียงแค่ถือบัตรก็ได้รับความคุ้มครอง) นับเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อระดับของบัตรเครดิตสูงขึ้น วงเงินความคุ้มครองของประกันอุบัติเหตุการเดินทางก็มักเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ตัวอย่างเช่น Life Card Gold ครอบคลุมประกันทั้งการเดินทางต่างประเทศและในประเทศสูงสุดถึง 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ วงเงินคุ้มครองสำหรับความเสียหายของทรัพย์สินที่นำติดตัวก็มักจะเพิ่มขึ้น
ดังนั้น การพิจารณาว่าคุณต้องการวงเงินคุ้มครองในแต่ละประเภทเท่าใดจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ไม่เพียงแต่ประกันอุบัติเหตุการเดินทางเท่านั้น บัตรเครดิตระดับสูงยังมาพร้อมกับประกันประเภทอื่น ๆ
เช่น ประกันค่าใช้จ่ายกรณีเที่ยวบินล่าช้า หรือประกันการช้อปปิ้ง
สิ่งเหล่านี้ช่วยให้การเดินทางของคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ในทางกลับกัน หากคุณไม่ได้เดินทางบ่อย การเลือกบัตรเครดิตที่มีประกันแบบเลือกได้อาจเหมาะสมกว่า
เช่น บัตรเครดิต Mitsui Sumitomo (NL) ที่มาพร้อม “ประกันฟรีที่เลือกได้”
ซึ่งครอบคลุมทั้งประกันอุบัติเหตุการเดินทางต่างประเทศ หรือประกันที่เหมาะสำหรับชีวิตประจำวัน
รวมถึงประกันการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลกรณีอุบัติเหตุ
เนื่องจากคุณสามารถเปลี่ยนแปลงเนื้อหาประกันให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปได้
ความยืดหยุ่นนี้อาจเป็นจุดดึงดูดสำหรับบางคน
อัตราการคืนคะแนนสะสม
บัตรเครดิตส่วนใหญ่มีระบบคืนคะแนนสะสมตามยอดการใช้จ่าย
อัตราการคืนคะแนนสะสมโดยทั่วไปจะแสดงในรูปแบบ เช่น หากใช้จ่าย 100 บาท และได้รับคะแนนสะสม 1 คะแนน (มูลค่าเทียบเท่า 1 บาท) จะมีอัตราการคืนคะแนนเท่ากับ 1.0%
หรือหากใช้จ่าย 200 บาท และได้รับคะแนนสะสม 1 คะแนน (มูลค่าเทียบเท่า 1 บาท) อัตราการคืนคะแนนจะเท่ากับ 0.5%
อัตราการคืนคะแนนสะสมแตกต่างกันไปตามบริษัทบัตรเครดิตและประเภทของบัตร
โดยทั่วไปแล้ว หากอัตราการคืนคะแนนสะสมมากกว่า 1.0% อาจถือว่าเป็นบัตรเครดิตที่มีอัตราคืนคะแนนสูง
สำหรับผู้ที่ต้องการได้รับสิทธิประโยชน์มากมายจากการใช้บัตรเครดิต ควรให้ความสำคัญกับอัตราการคืนคะแนนสะสม
นอกจากนี้ บัตรเครดิตบางประเภทมีการจัดโปรโมชั่นเพิ่มคะแนนสะสม หรือมีระบบที่เพิ่มคะแนนเมื่อซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์เฉพาะทาง
ก่อนสมัครบัตรเครดิต ควรตรวจสอบว่ามีวิธีสะสมคะแนนแบบใดบ้าง
บางบัตรเครดิตยังมีการเพิ่มคะแนนอย่างมากเมื่อใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากร้านค้าที่เข้าร่วมรายการ
ดังนั้น หากคุณให้ความสำคัญกับอัตราการคืนคะแนนสะสม ควรตรวจสอบเงื่อนไขการเพิ่มคะแนนด้วยเช่นกัน
ความรวดเร็วในการออกบัตร

ทุกบัตรเครดิตต้องผ่านการตรวจสอบก่อนจึงจะสามารถออกบัตรได้
เนื้อหาและความรวดเร็วของการตรวจสอบจะแตกต่างกันไปตามบริษัทผู้ออกบัตรเครดิต
ทำให้ระยะเวลาในการออกบัตรไม่เท่ากัน
บางบริษัทสามารถออกบัตรได้ในวันเดียวกันหลังจากสมัคร
ในขณะที่บางแห่งอาจใช้เวลามากกว่า 1 สัปดาห์
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้บัตรเครดิตทันที หรือมีวันที่กำหนดว่าจะใช้บัตร
ควรเลือกบัตรเครดิตที่มีความรวดเร็วในการออกบัตร
นอกจากนี้ หากเป็นบัตรดิจิทัลที่สามารถสมัครและดำเนินการทั้งหมดผ่านทางอินเทอร์เน็ต
ก็จะช่วยให้สามารถออกบัตรได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ด้วยการใช้สมาร์ทโฟน คุณสามารถแสดงข้อมูลบัตรเครดิตในแอปพลิเคชัน
เพื่อทำการชำระเงินได้โดยไม่จำเป็นต้องรอรับบัตรตัวจริง
ทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์สะดวกและรวดเร็ว
อีกทางเลือกหนึ่งคือบัตรเครดิตที่สามารถออกบัตรได้ทันทีในศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า
ซึ่งเป็นข้อมูลที่ควรรู้เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าบัตรเครดิตที่ออกในวันเดียวกันอาจไม่ใช่บัตรตัวจริง
ในกรณีที่มีการออกบัตรชั่วคราว บัตรดังกล่าวสามารถใช้งานได้ในศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าที่ระบุไว้
แต่ในบางกรณี อาจไม่สามารถใช้ชำระเงินในสถานที่หรือร้านค้าอื่น ๆ ได้
สรุปวิธีการเลือกบัตรเครดิต
ในบทความนี้ได้อธิบายเกี่ยวกับวิธีการเลือกบัตรเครดิต ซึ่งการเลือกบัตรเครดิตนั้นแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ความชอบ ส่วนประกอบของประกัน และบริการที่มาพร้อมกับบัตร
สิ่งสำคัญคือการเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
หากคุณเข้าใจถึงลักษณะและข้อดีของบัตรแต่ละประเภท รวมถึงสามารถใช้งานได้ทั้งบัตรหลักและบัตรเสริม
จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์ในชีวิตประจำวันมากขึ้น
นอกจากนี้ ในการเลือกบัตรเครดิต ควรพิจารณาไม่เพียงแต่ข้อดีเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงข้อควรระวังเพื่อให้มั่นใจว่าบัตรที่เลือกเหมาะสมกับตัวคุณที่สุด